Web Blog การเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ประกอบการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ (สาระเพิ่ม) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ส 23102

วิดีโอเพื่อน

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

รัชกาลที่8

พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงพระราชสมภพเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ.2468 ณ เมืองไฮเดนเบิร์ก (Heidenberg) ประเทศเยอรมนี ทรงมีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าอานันทมหิดล ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์โต ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลารานครินทร์) และ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (หม่อมเจ้าสังวาลย์ ตะละภัฏ) ทรงมีพระเชษฐภคินี 1 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระอนุชา 1 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 
ในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2470 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศสถาปนา ให้พระโอรสธิดาในสมเด็จเจ้าฟ้า ซึ่งมีพระราชชนนีเป็นสมเด็จพระอัครมเหสีในพระมหากษัตริย์ แต่พระมารดาในพระโอรสธิดาเป็นสามัญชน ตามธรรมเนียมราชสกุลพระโอรสธิดาจะต้องมีพระยศเป็นหม่อมเจ้า ให้ยกขึ้นเป็นพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าทั้งหมด 
ดังนั้น พระโอรสพระธิดาในสมเด็จพระพี่ยาเธอเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ จึงได้ดำรงพระยศเป็น พระวรวงศ์เธอพระองค์ เจ้าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งรวมไปถึงหม่อมเจ้าอานันทมหิดลพระองค์หนึ่งด้วย 
ในวันที่ 24 กันยายน พ.ศ.2472 สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ พระบรมราชชนก ได้สิ้นพระชนม์ลง ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลต้องทรงเป็นกำพร้า ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุเพียง 4 พรรษา พระองค์จึงทรงอยู่ในอุปการะและพระอภิบาลของสมเด็จพระบรมราชชนนีแต่เพียงพระองค์เดียวอย่างเข้มงวดและใกล้ชิด 
ในปี พ.ศ.2474 ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล มีพระชนมายุได้ 7 พรรษา ทรงเข้ารับการศึกษาในแผนกอนุบาลที่ โรงเรียนมาแตร์เดอี โดยมี แม่ชีมากาแรต แมรี เป็นครูประจำชั้น ต่อมาในปี พ.ศ.2475 ได้ทรงย้ายไปศึกษาที่โรงเรียนเทพศิริรนทร์ ในระหว่างนั้นเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไปทั่วโลก อีกทั้งเกิดการยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองในปี พ.ศ.2475 
ต่อมา ในปี พ.ศ.2476 สมเด็จพระบรมราชชนนี จึงทรงตัดสินพระทัยพาพระโอรสธิดาทั้งสาม เสด็จไปต่างประเทศเพื่อการรักษาพระพลานามัยและเพื่อการศึกษา ทรงเลือก เมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นที่ประทับ เนื่องจากเป็นเมืองที่มีอากาศดี ภูมิประเทศสวยงาม และพลเมืองมีอัธยาศัยดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงเข้าศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนมิเรมองต์ ในเดือนกันยายน พ.ศ.2476 
ในขณะที่ทรงประทับอยู่ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นเวลาเดียวกับที่ประเทศไทยได้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นอย่างรุนแรง วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2477 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงประกาศสละราชสมบัติ ซึ่งพระองค์ไม่มีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาเลย และทรงสละสิทธิ์การแต่งตั้งผู้รับราชสมบัติด้วย ทางรัฐบาลไทยสมัยนั้นจึงได้กราบบังคมทูลเชิญ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดล ซึ่งเป็นพระราชวงศ์องค์ที่ 1 ในลำดับการสืบสันตติวงศ์ ตามกฎมณเฑียรบาล พ.ศ.2467 ขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 8 แห่งบรมราชจักรีวงศ์ ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุเพียง 8 พรรษา 
ในวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2477 ทางรัฐบาลไทยโดย พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งโทรเลขไปอัญเชิญพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดล ขึ้นเสวยราชสมบัติ และได้แต่งตั้งให้เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ถือสำเนาโทรเลขของรัฐบาล เดินทางไปยังประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เข้าเฝ้าสมเด็จพระบรมราชชนนี และได้ออกประกาศฉบับหนึ่งแจ้งให้ประชาชนไทยทราบ ในวันที่ 8 และ 9 มีนาคม พ.ศ.2477 หนังสือพิมพ์ในเมืองไทยต่างลงเรื่องราวเกี่ยวกับยุวกษัตริย์พระองค์นี้อย่างเอิกเกริกแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชประวัติของพระองค์ท่าน และเรื่องราวเกี่ยวกับสมเด็จพระบรมราชชนก สมเด็จพระบรมราชชนนี เป็นต้น 
เมื่อพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดลขึ้นทรงราชย์ รัฐบาลได้มีหนังสือเชิญเสด็จนิวัตรสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เพื่อให้ประชาชนได้เฝ้าชื่นชมพระบารมี ในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2481 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชนนี สมเด็จพระเชษฐาภคินี และสมเด็จพระอนุชา ได้เสด็จออกจากเมืองโลซานน์โดยทางรถไฟ มาประทับเรือเดินสมุทรที่ท่าเรือเมืองมาร์แซย์ ประเทศฝรั่งเศส 
เช้าวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2481 เรือพระที่นั่งเทียบท่าจอดทอดสมอที่เกาะสีชัง คณะผู้สำเร็จราชการและนายกรัฐมนตรี จึงได้เชิญเสด็จลงประทับในเรือรบหลวงศรีอยุธยาอีกทอดหนึ่ง เวลา 16.00 น. เรือพระที่นั่งเข้าเทียบท่าราชวรดิษฐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ประทับอยู่ในพระราชอาณาจักรได้ประมาณ 2 เดือน จึงได้เสด็จพระราชดำเนินกลับเพื่อไปศึกษาต่อ 
ในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2482 ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับไปศึกษาต่อ ทรงมีกระแสพระราชดำรัสผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียง ทรงขอบใจรัฐบาลและเหล่าพสกนิกรชาวไทยที่ให้การต้อนรับพระองค์อย่างดียิ่ง 
ในปี พ.ศ.2486 เมื่อทรงมีพระชนมายุได้ 18 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปลาย ทรงศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถกอรปไปด้วยพระวิริยะอุตสาหะอย่างดียิ่ง ซึ่งพระองค์ทรงมีผลการเรียนดีเยี่ยมมาโดยตลอด
วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2488 เวลา 9.00 น. เครื่องบินพระที่นั่ง เดินทางถึงสนามบินดอนเมือง ข้าราชการ ทหาร พลเรือน และพสกนิกร ต่างไปเฝ้ารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น ในปี พ.ศ.2488 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงมีพระชนมายุ 20 พรรษาบริบูรณ์ ทางรัฐบาลจึงได้กราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จพระราชดำเนินกลับพระนครเพื่อครองราชย์ แต่พระองค์ยังทรงมีพระราชประสงค์ที่จะศึกษาวิชากฎหมายและเศรษฐศาสตร์ให้สำเร็จเสียก่อน จึงทรงดำริที่จะเสด็จกลับยังประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเท่านั้น 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงตั้งพระราชหฤทัยจะประทับอยู่ในประเทศไทยประมาณ 1 เดือน จากนั้นจะเสด็จกลับไปยังเมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ให้ทันเปิดภาคเรียนใหม่ในกลางเดือนมกราคม พ.ศ.2489 แต่พระองค์ต้องทรงเลื่อนกำหนดเสด็จกลับไปหลายครั้ง เนื่องด้วยมีพระราชภารกิจหลายสิ่งที่จำเป็นสำหรับประเทศชาติและพสกนิกรของพระองค์ 
หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จประทับอยู่ในประเทศไทย จนถึงกลางปี พ.ศ.2489 ทรงมีพระราชประสงค์จะเสด็จกลับไปศึกษาต่อให้สำเร็จ โดยมีหมายกำหนดการเสด็จกลับในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2489 แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น 
ในเช้าวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489 เวลา 09.00 น. เสียงปืนนัดหนึ่งดังขึ้นในห้องพระบรรทม ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง มหาดเล็กหน้าห้องพระบรรทมเข้าไปดู พบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลทรงพระบรรทมอยู่บนพระที่ มีพระโลหิตไหลเปื้อนพระองค์ และเสด็จสวรรคตแล้วด้วยพระแสงปืน 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จสวรรคตในขณะที่ทรงมีพระชนมายุเพียง 21 พรรษา รวมเวลาอยู่ในสิริราชสมบัติเพียง 13 ปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น